ข้อเสียคนเช่าหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่า และคอนโด“ไม่ชอบ”
1.หอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าไม่ชอบ “การรบกวน” หนึ่งในเหตุผลที่ผู้เช่าจะหาหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าซักหลังหนึ่งนั้น เขามักจะเลือกหาบ้านที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อนบ้านที่ดี ไม่มีใครที่ชอบบ้านที่อยู่ในที่พลุกพล่าน มีเสียงดังทั้งจากข้างบ้าน รถวิ่งตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน หากเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่า อาจจะเกินความสามารถของเจ้าของบ้านที่จะควบคุมปัจจัยเหล่านี้ (ซึ่งคุณสามารถจัดการได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เลือกซื้อบ้านเช่า) แต่หากเป็นอพาร์ทเมนท์ที่เราเป็นเจ้าของทั้งอาคาร เจ้าของสามารถตั้งข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันได้ว่า ห้ามส่งเสียงรบกวนอันเป็นเหตุให้ข้างห้องต้องรำคาญ
2. ไม่ชอบ “หอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าที่ไม่มีที่จอดรถ”รถกลายเป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นในชีวิตของเราทุกคน การที่บ้านเช่าไม่มีที่จอดรถเป็นการสร้างภาระให้กับผู้เช่าที่ต้องหาที่จอดรถเอง การเลือกซื้อบ้านเพื่อจะปล่อยเช่านั้นควรคำนึงถึงที่จอดรถด้วยเช่นกัน หรือหากบ้านเช่าปัจจุบันในตอนนี้ไม่มีที่จอดรถ เจ้าของหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าอาจจะยื่นข้อเสนอสร้างที่จอดรถที่อื่น ที่ใกล้ๆกับตัวหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าแทน
3. ไม่ชอบ “เจ้าของหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าที่ไม่ทำตามคำพูด” ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในธุรกิจ การทำธุรกิจบ้านเช่าก็เช่นกัน หากเมื่อใดที่เจ้าของหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าได้ตกปากรับคำกับคนเช่าไปแล้ว ก็ต้องทำตามที่พูดไว้ ทำให้ประเด็นหนึ่งที่ผู้เช่ามักจะบ่นถึงก็คือ เจ้าของหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าไม่ทำตามที่พูดไว้ สร้างความเบื่อหน่ายให้กับผู้เช่า เช่น เจ้าของหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าสัญญาไว้ว่าหากคนเช่าย้ายเข้าอยู่แล้ว จะเข้ามาทำความสะอาดและจัดการบ้านให้เรียบร้อย แต่เมื่อถึงเวลาจริงกลับไม่ทำตามที่สัญญาเอาไว้
4. ไม่ชอบ “เจ้าของหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าที่ไม่สนใจในคำร้องขอจากผู้เช่า”การเป็นเจ้าของบ้านเช่าซักหลังหนึ่งนั้น สิ่งที่ตามมาคือ “ความรับผิดชอบ” ที่มีต่อทรัพย์สินที่ให้เช่า บางครั้งผู้เช่าอาจจะร้องขอให้เจ้าของหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าช่วยซ่อมแซมหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่า แต่เจ้าของหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่ากลับละเลยไม่ใส่ใจ ผลักภาระให้เป็นหน้าที่ของผู้เช่าเสมอ ซึ่งหากเป็นการซ่อมแซมเล็กๆน้อยๆที่เกิดจากการใช้งานของผู้เช่า แบบนี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้เช่าก็จริง แต่หากเป็นกรณีที่ต้องซ่อมแซมเพราะเกิดจากหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เช่น หลังคารั่วซึม สีลอกหลุดล่อน แบบนี้เจ้าของบ้านควรซ่อมแซมเพื่อให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่ควรผลักภาระให้กับผู้เช่าทั้งหมด
5. ไม่ชอบ “เซอร์ไพรซ์ (ในทางไม่ดี)” เช่าบ้านนั้นย่อมมีการทำสัญญาเช่าเป็นลายลักษณ์อักษร ถือเป็นการตกลงกันตลอดอายุสัญญา แต่บางครั้งเจ้าของบ้านก็มักทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด เช่น การขึ้นค่าเช่าทั้งๆที่ยังไม่หมดอายุสัญญา หรือการที่เจ้าของบ้านบอกเลิกสัญญากระทันหัน โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ทำให้ผู้เช่าต้องย้ายออกทันที ซึ่งการกระทำเหล่านี้ล้วนผิดกฎในสัญญาเช่าหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าที่ตกลงกันไว้ ผู้เช่ามีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหายได้
6. ไม่ชอบ “ความไม่ปลอดภัย”สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกที่อยู่อาศัยนั้นคือความปลอดภัยเป็นหลัก หากหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าที่ไม่มีความปลอดภัย ย่อมสร้างความกังวลใจให้กับผู้เช่า ซึ่งความปลอดภัยนั้นมีมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน จากปัจจัยภายนอก เช่น สภาพแวดล้อมที่ไม่ดี มีโจรและขโมยเกิดขึ้นบ่อยๆ อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี หรือเกิดจากปัจจัยภายในคือ ประตูบ้านไม่แน่นหนาพอ ระบบไฟฟ้ารั่วไหล ไม่ปลอดภัยแก่ผู้อยู่อาศัย ถ้าแบบนี้เจ้าของบ้านควรจัดการให้เรียบร้อย เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่ผู้เช่า
7. ไม่ชอบ “สัญญาที่เอาเปรียบผู้เช่า” การร่างสัญญาเช่านั้น ผู้เช่าจะต้องอ่านสัญญาให้เข้าใจอย่างถี่ถ้วนก่อนเซ็นสัญญา บางครั้งผู้เช่าหลายคนพบว่าสัญญาเช่าที่เจ้าของร่างมานั้น มีการเอารัดเอาเปรียบผู้เช่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหากเจอกรณีนี้ก่อนเซ็นสัญญา ควรแย้งเจ้าของหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าเพื่อแก้ไขสัญญาให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น
8. ไม่ชอบ “เจ้าของหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าใช้คำที่หยาบคาย”การเจรจากับผู้เช่าด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพและไม่ให้เกียรติกัน ยิ่งจะเป็นการขับไล่ให้ผู้เช่าหนีไป ไม่เพียงแต่ผู้เช่าที่กำลังเช่าอยู่เท่านั้น แต่หมายรวมถึงผู้ที่โทรมาสอบถามเรื่องหอพัก หรือ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าด้วยเช่นกัน การพูดคุยกับผู้เช่าก็เปรียบเสมือนกับการเจรจาธุรกิจ ควรพูดคุยด้วยถ้อยทีที่สุภาพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน